ในรายงานกำหนดมาตราฐานเบื้องต้นในการขนส่งวัตถุอันตรายทุกระบบการขนส่ง คือ United Nation Recommendation on the Transport of Dangerous Good ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า UN Recommendations สารพิษที่มาจากวัสดุก่อสร้างส่วนใหญ่ก็จะเกิดขึ้นในสถานที่ที่กำลังก่อสร้างและจากการทิ้งขยะก่อสร้างในที่ที่ไม่เหมาะสม เป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายจากสารพิษจากวัสดุก่อสร้างเกลื่อนเมืองทั่วไปตามที่รกร้างว่างเปล่าและริมถนน ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสิ่งแวดล้อมและอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินหรือสร้างความเดือดร้อนรำคาญกับประชาชนและเป็นปัญหาอุปสรรคในการพัฒนาประเทศไทยให้ปลอดภัยจากสารพิษและช่วยลดสภาวะโลกร้อนที่ส่งผลกระทบต่อมวลมนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลก ด้วยการสกัดกั้นการแพร่กระจายสารพิษจากวัสดุก่อสร้างอย่างยั่งยืน
การแก้ปัญหาและการป้องกันผลกระทบจากสารพิษ
ดังนั้นแนวคิดการแก้ปัญหาจากการเกิดสารพิษจากวัสดุก่อสร้าง จะต้องได้รับความร่วมมือจากทุกๆฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และ จะต้องรับผิดชอบตามที่กฎหมายกำหนดอย่างเคร่งครัด เช่น
1) ผู้ผลิตวัสดุก่อสร้าง ดำเนินการผลิตให้เป็นไปตามมาตรฐานสากลและรับผิดชอบต่อสังคมโดยรวมโดยการปฏิบัติตามกฏหมายที่เกี่ยวข้องทุกฉบับอย่างเคร่งครัด
2) ผู้ออกแบบ ดำเนินการออกแบบให้ลดการตัดหรือเป็นสาเหตุให้เกิดฝุ่นผงจำนวนมาก เป็นต้น
3) ผู้รับเหมาก่อสร้าง ไม่ทิ้งขยะจากการก่อสร้างของตนในที่ที่ไม่เหมาะสมและก่อให้เกิดปัญหาต่อสังคม ปฏิบัติตามกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการก่อสร้างอย่างปลอดภัยทั้งจากการทำงานและป้องกันผลกระทบต่อประชาชน
4) การบังคับใช้กฎหมายที่เคร่งครัดของเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่ควบคุมกำกับดูแลการก่อสร้างทุกๆฝ่าย
5) เจ้าของโครงการที่ให้ความสำคัญต่อผลกระทบต่างๆที่เกิดจากการก่อสร้าง มีความรู้ถึงอันตรายจากสารพิษในวัสดุก่อสร้างที่นำมาใช้ในโครงการทุกประเภท และ กำจัดอย่างถูกต้องตามมาตราฐานสากลหรือตามที่กฏหมายกำหนด
6) การเลือกวิธีการก่อสร้างหรือเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ไม่สร้างปัญหาการแพร่กระจายสารพิษจากวัสดุก่อสร้างสู่สาธารณะ
7) ศึกษาและเข้าใจถึงคุณสมบัติของวัสดุและวิธีใช้ที่ถูกต้องตามคู่มือ ปฏิบัติตามที่ผู้ผลิตแจ้งไว้ทุกขั้นตอนเพื่อป้องกันอันตรายจากสารพิษและกำจัดได้อย่างถูกต้องมีประสิทธิภาพ
8) การประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทั่วไปมีความรู้และทราบข้อมูล รู้จักวิธีการป้องกันสารพิษจากวัสดุก่อสร้างอย่างทั่วถึงโดยเฉพาะผู้ที่อยู่ใกล้บริเวณที่มีการก่อสร้าง
9) รัฐให้ความสำคัญและสนับสนุนการวิจัยการคิดค้นวัสดุทดแทนที่มีคุณภาพและไม่มีสารพิษที่เป็นอันตรายหรือสร้างผลกระทบด้านต่างๆ
10) สร้างกระแสสังคมให้ปฏิเสธการใช้วัสดุที่มีสารพิษและรังเกียจผู้ที่นำวัสดุที่มีสารพิษ เช่น ไม่ซื้อ ไม่ใช้ และแจ้งเบาะแสแหล่งผลิตหรือผู้หลีกเลี่ยงกฎหมายใช้วัสดุที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัยของสารพิษ เป็นต้น
สรุป
จากสาเหตุและปัจจัยต่างๆของกิจกรรมการก่อสร้างที่ก่อให้เกิดผลกระทบจากสารพิษและการปล่อยปละละเลยของผู้เกี่ยวข้องปัญหาของสารพิษจากวัสดุก่อสร้าง จึงเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขทันทีจากภาครัฐ ภาคเอกชน สถาปนิกและวิศวกร ดังนั้นการปรับปรุงพัฒนากฎหมายให้มีความทันสมัยเหมาะสมกับการพัฒนาวัสดุก่อสร้างชนิดใหม่ เนื่องจากการผลิตวัสดุก่อสร้างมีการพัฒนาและคิดค้นวัตถุดิบในการผลิตตลอดเวลาหรือมีการใช้เทคโนโลยี สารเคมี ที่อาจทำให้วัสดุมีสารพิษหรือเมื่อมีการเกิดการเปลี่ยนสภาพที่อาจเกิดผลกระทบที่เป็นอันตรายส่งผลต่อสิ่งมีชีวิตได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม มีผลกระทบทั้งในปัจจุบันหรือในอนาคตได้ การป้องกันการกำจัดสารพิษสามารถจัดการได้เพื่อไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากสารพิษหรือได้รับอันตรายจากวัสดุจากการก่อสร้างที่ใช้ก่อสร้างในประเทศไทยได้อย่างยั่งยืน ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีปราศจากสารพิษจากวัสดุก่อสร้างทุกชนิดที่ใช้ในประเทศไทย
กิตติกรรมประกาศ
ผู้เขียนใคร่ขอขอบคุณคณะผู้จัดทำเว็บไซต์ ขอขอบคุณคณะผู้จัดทำเว็บไซต์กูเกิล ที่ให้ผู้เขียนได้ใช้สำหรับเป็นแหล่งเครื่องมือหลักในการสืบค้นข้อมูลที่เป็นประโยชน์สำหรับการเขียนบทความฉบับนี้ รวมถึงนักวิชาการและนักเขียนทั้งหลายที่มิได้เอ่ยนามในบทความนี้ที่ได้สละเวลาในการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์ไว้ในเว็บไซต์ต่างๆ
ท้ายที่สุดนี้ผู้เขียนใคร่ขอขอบคุณ ผศ.ดร.วรานนท์ คงสง ผศ.ดร.เสรี ตู้ประกาย อ.ดร.สิรวัลภ์ เรืองช่วย ตู้ประกาย ที่ให้โอกาสผู้เขียนได้ศึกษาเรื่อง สารพิษจากวัสดุก่อสร้าง จึงทำให้เกิดบทความนี้ขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
เอกสารอ้างอิง
1. มหันตภัยจากวัตถุเคมี ความเสี่ยงและอันตราย. บรรณาธิการ:ภิญโญ พานิชพันธ์ , พิณทิพ รื่นวงษา
2. สถาปัตยกรรมแห่งความพอเพียงของชีวิต ( Sustainable Architecture ). ผู้ช่วยศาสตราจารย์ รัชด ชมพูนิช
ประวัติผู้เขียน
นายชฎิล พกุลานนท์
ปริญญาตรีคุรุศาสตร์อุตสาหกรรม สาขาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันราชมงคล